ก่อนอื่นพี่ต้องยินดีกับน้องๆ freshy ในปีนี้ทุกคนครับ พี่ในฐานะที่เป็นติวเตอร์สอนนักศึกษามาปีนี้ก็ปีที่ 10 มีข้อแนะนำน้อง ๆ 5 ข้อ (และ +1 ข้อให้สำหรับน้องๆสายคำนวณ) เอ้าา มาเริ่มกัน!
ตัวช่วยในการวางแผนทุกสิ่งอย่างในการเรียนที่ง่ายและมีประสิทธิภาพดีที่สุด คือ แอพฯปฏิทินในมือถือเรานี่แหละครับ ไม่ว่าจะเป็นตารางเรียน ลงเดดไลน์ของการส่งงานในแต่ละวิชา หรือแม้กระทั่งวางแผนการอ่านหนังสือ ลงไว้ในแอพฯให้หมดครับ ชีวิตเราจะมีระเบียบแบบแผนมากขึ้นเยอะ
หรือใครอยากแอดวานซ์อีกขั้น พี่แนะนำแอพฯชื่อว่า asana ครับ อันนี้นอกจากจะเป็นปฏิทินแล้ว ยังทำหน้าที่เป็น do-to-list และ ตามงานต่าง ๆ ในโปรเจคกลุ่มกันเพื่อนๆได้ด้วย ถ้าใครสนใจสามารถไปศึกษาวิธีใช้ในตาม youtube เลยครับ มีคนสอนเพียบ
อันนี้ใครพอจะมีทุนทรัพย์พี่แนะนำให้เรามีไว้ในครอบครองนะครับ คือมันมีประโยชน์มากๆ สมัยนี้เราสามารถขอไฟล์ PDF เอกสารที่เรียนกับอาจารย์ได้ทุกวิชาครับ การเลคเชอร์ด้วยแท็บเล็ตเป็นอะไรที่เพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนได้มาก
ที่สำคัญการเก็บข้อมูลเป็นไฟล์ดิจิตอลจะดีมากในแง่ใช้งาน ยกตัวอย่างนะ พี่เรียนวิศวะฯใช่มั้ย มันก็ต้องใช้ textbook ในการเรียนแทบจะทุกวิชาเลย ซึ่งสามารถดาวน์โหลดมาเป็นไฟล์ PDF และใช้เลคเชอร์ได้เลยไม่ต้องปริ้นท์ชีททีละเยอะ ๆ มาจะมาใช้ในการเรียน (รู้มั้ยครับว่าใน 1 วิชานี่ใช้กระดาษเยอะมาก)
และอีกข้อดีนึงที่น้องๆอาจจะคิดไม่ถึงคือ การเรียกใช้ข้อมูลเก่า ๆ ทำได้ดีกว่าจัดเก็บในรูปแบบกระดาษมาก ยกตัวอย่างเช่น ตอนพี่เรียนวิชาภาคปี3 จะมีเนื้อหาที่ใช้แคลคูลัสเยอะมาก ซึ่งแคลคูลัสมันเรียนตอนปี1 สมัยนั้นลำบากมากเพราะชีทแคลฯ พี่แทบจะกลายเป็นปุ๋ยไปแล้ว ถ้าเราเก็บไฟล์เลคเชอร์ไว้ในแท็บเล็ตปัญหานี้ก็จะหมดไป
จริงอยู่ครับที่สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งในการเรียนมหา'ลัยคือเรื่องเรียน แต่น้องรู้มั้ยครับ มีหลายคนที่เรียนจบไปเกรดสูง ๆ แต่ด้วยความที่เค้าไม่เคยทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นเลย จบไปทำงานในองค์กรจึงไม่ประสบความสำเร็จ และอาจจะเฟลไปเลยก็ได้ สิ่งเหล่านี้อาจเกิดจากการขาดทักษะการทำงานเป็นทีม ทักษะสื่อสาร เรียนรู้ว่าการร่วมมือกันจึงจะทำให้โปรเจค หรือ องค์กรประสบความสำเร็จ
อ้อ แล้วเวลาสัมภาษณ์งานคำถามหนึ่งที่มักจะเจอคือ "ตอนเรียนคุณทำกิจกรรมอะไรบ้าง?" ดังนั้นนอกจากเรื่องเรียนแล้ว ควรหากิจกรรมดี ๆ ทำด้วยนะจ๊ะ
อันนี้เป็นข้อแนะนำสุดคลาสสิคที่ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ต้องพูดถึง และเป็นเรื่องที่พี่เป็นห่วงมากเราที่สุดครับ นั่นคือ "ความรับผิดชอบ"ครับ ที่ต้องเน้นข้อนี้เป็นข้อนี้ทั้งที่เราก็ทราบดีอยู่แล้วเพราะในการเรียนมหา'ลัย น้องจะได้รับอิสระอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต ม.ปลาย
หลายวิชาเราจะเข้าเรียนหรือไม่ก็ได้ แต่หากไม่เข้าเรียน เราก็ต้องอ่านเองทั้งหมด ที่ยากคือเราจะไม่รู้เลยว่าอาจารย์เค้าเน้นเนื้อหาส่วนไหนเป็นพิเศษ ทำให้ใช้เวลาทำความเข้าใจนานกว่า
งานที่อาจารย์สั่งก็ไม่ได้มาจ้ำจี้จ้ำไชว่าเราต้องส่ง แต่ถ้าไม่ส่งงานคะแนนเก็บที่เราควรจะได้มาอย่างง่าย ๆ ก็อาจจะหายไป ส่งผลต่อเกรดมากนะครับ อันนี้ต้องระวัง
ยิ่งใครมาจากต่างจังหวัด ต้องย้ายมาอยู่หอพักนี่ เรียกได้ว่าอยู่ไกลผู้ปกครองอย่างสมบูรณ์แบบ อันนี้เราต้องมีภูมิต้านทานที่จะรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำนะครับ จำไว้ว่าสิ่งไม่ดีจะเข้ามาทดสอบความดีของเราเสมอ สร้างภูมิต้านทานที่ดี และเอาชนะมันให้ได้!
สำหรับพี่ชีวิตช่วงมหา'ลัยเป็นอะไรที่สนุก และทิ้งความทรงจำดี ๆ ไว้มากมายครับ เพียงแต่ระหว่างทางมันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ อย่างเช่น คณะที่พี่เข้า ทุกคนจบจากโรงเรียนเก่าด้วยเกรดเฉลี่ยเกิน 3 แต่คนที่ได้เกรดเฉลี่ยตอนจบปี 4 กิน 3 มีประมาณ 10% เท่านั้นเอง นอกจากที่ช่วงสอบจะต้องอ่านหนังสือหนักกว่าช่วง ม.ปลายมาก ๆ แล้ว บางคนทะเลาะกับเพื่อน เลิกกับแฟน มีปัญหาด้านการเงิน ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้จะมาทดสอบน้องอยู่เป็นช่วง ๆครับ ผ่านไปให้ได้ อย่างมีสตินะครับ คิดไว้ว่าอุปสรรค์ทำให้เราเก่งขึ้น และโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ครับ
พี่บอกได้เลยครับว่าเครื่องคิดเลขดี มีชัยไปกว่าครึ่ง (แต่เราต้องใช้ฟังก์ชันด้านในให้เป็นด้วยนะ ฮ่า ๆ ) ความสามารถของเครื่องคิดเลขจะเห็นผลมากๆ ตอนอยู่ปี 2 ขึ้นครับ ตอนเรียนวิชาภาคสูงๆครับ เพราะการทำโจทย์หรือข้อสอบจะต้องใช้เครื่องคิดเลขหนักมาก ยกตัวอย่างนะครับ เครื่องคิดเลขดี ๆ จะประเมินผลเร็วกว่า, แก้สมการพหุนามที่ดีกรีมากกว่า และการแสดงผลจะดูง่ายกว่า RAM ในเครื่องมากกว่า ถ้าจะให้แนะนำ ให้ใช้ Casio fx-991ex ครับ สามารถนำเข้าห้องสอบได้ไม่ผิดกฏมหา'ลัย
คิดว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับน้อง ๆ ที่กำลังจะเข้าปีหนึ่งนะครับ